เปิดใจ “ช่างสัก” นาทีลูกค้าชักตอนลงเข็ม เชื่อน่าจะเกี่ยวกับยาเขียวๆ เหลืองๆ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่เรื่องราวของชายหนุ่มที่ไปใช้บริการสักลายบนผิวหนัง แล้วเกิดอาการชัก ขณะที่กำลังสักลาย กลายเป็นประเด็นที่กล่าวถึงในโลกโซเชียลมีเดีย ล่าสุด ช่างสักลายที่อยู่ระหว่างเกิดเหตุ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวในวันนี้
ช่างสักลาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา มีลูกค้าเป็นชายอายุประมาณ 20 ปี เข้ามาสักลายที่ร้าย โดยเป็นการแก้ลายเดิมที่เคยสักไว้เป็นรูปกวางที่หน้าอก ก็ลงลายสักให้ตามปกติ กระทั่งช่วงเริ่มต้นลงเข็ม จะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ลูกค้าก็เริ่มมีอาการชักเกร็ง ตอนแรกก็นึกว่าลูกค้าเป็นลมชัก จึงหาอุปกรณ์ใกล้ตัวมาให้กัดเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะกัดลิ้นตัวเอง
หลังจากนั้นลูกค้าก็หมดสติลงไป ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือ เมื่อตรวจสอบร่างกายของลูกค้า ก็พบว่ามีบัตรรักษาตัวเกี่ยวกับโรคหัวใจอยู่ พร้อมกับเม็ดยาสีเขียวๆ เหลืองๆ คล้ายยาแก้ปวดที่วัยรุ่นนำไปผสมเครื่องดื่มชูกำลังดื่มกัน ลูกค้าพกติดตัวไปในกระเป๋า 4-5 เม็ด
หลังจากนั้นลูกค้าก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา ตนจึงพยายามสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกค้าก็ไม่ยอมตอบ กระทั่งพ่อของลูกค้าเดินทางมารับตัวไปโรงพยาบาล โดยไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับตนเลย บอกแค่ว่าลูกชายป่วยเป็นโรคหัวใจเพียงแค่นั้น
แต่สำหรับตนคิดว่าโรคหัวใจไม่น่าจะมีผลกับการสัก เพราะลูกค้าเคยสักมาก่อนแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะลูกค้ากินยาสีเขียวๆ เหลืองๆ ดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ชักได้ และจากการสอบถามคนรู้จัก ส่วนใหญ่ระบุว่าการกินยาดังกล่าว อาจทำให้เกิดอาการขาดสติไปชั่วขณะได้
โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอลูกค้าที่สักแล้วชักเกร็งในลักษณะดังกล่าวมาก่อน ซึ่งตนก็รู้สึกตกใจมาก และสำหรับผู้ที่ต้องการสัก ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะอาจจะวูบได้ นอกจากนี้มีข้อห้ามสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะอาจทำให้แผลหายยากหรือติดเชื้อได้
ทางด้าน นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม เปิดเผยว่า ปกติผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เวลาสักลายแล้วเกิดความตื่นเต้น อาจมีอาการกลัว จนหมดสติได้ แต่ไม่ถึงขนาดชักเกร็ง โดยกรณีดังกล่าวไม่ใช่การสักครั้งแรก จึงไม่น่าจะเกิดจากอาการกลัว แต่มีการพบยาสีเขียวๆ เหลืองๆ ในร่างกาย ซึ่งคาดว่า อาจจะกินยาตัวนั้นเข้าไป ทำให้มีผลต่อคลื่นสมอง
โดยยาเขียวๆ เหลืองๆ ที่วัยรุ่นรู้จักกัน คือยาแก้ปวดชนิดหนึ่ง ซึ่งนำไปผสมกับสารชนิดอื่น ทำให้เกิดอาการเคลิ้ม ซึ่งมีผลต่อคลื่นสมอง เกิดอาการชักเกร็งได้ง่าย หากมีคลื่นหรืออะไรบางอย่างที่เป็นจังหวะเดียวกับหัวใจมากกระตุ้น
ซึ่งการสักปกติก็มีข้อห้ามสำหรับผู้ที่เป็นโรคบางอย่าง เช่น โรคติดเชื้อ หรือโรคเรื้อรังบางชนิด อย่างโรคเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งใส่คลื่นกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า เพราะคลื่นของการสักมีผลในการกระตุ้นหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้