เปิดใจเจ้าของบริษัททัวร์ นำคลิปแจ้งตำรวจหลังแท็กซี่พัทยาถ่ายคลิปประจาน
ชายชุดขาวในคลิป แท็กซี่ ปะทะ อูเบอร์ ดอดเข้าพบตำรวจพัทยาหลังพบคลิปโพสต์ประจานบนเพจเฟสบุ๊ก สร้างความเสื่อมเสียให้ตนเองและครอบครัวด้วยถ้อยคำรุนแรง “ไอ้คนขายชาติ”
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 นายวุฒิชัย เพ็ชรโสภล อายุ 51 ปี กรรมการผู้จัดการ ที่บริษัท ภูเก็ต แอนด์ พีพีทัวร์ จำกัด นำหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอที่กลุ่มแท็กซี่ บันทึกแล้วมีการใช้ถ่อยคำที่รุนแรงเกินความเป็นจริง และมีการนำไปเผยแพร่ในสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทำให้ตนเองและครอบครัวเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง และรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา
โดยนายวุฒิชัย เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเรื่องตนเองได้รับการติดต่อจากหลายฝ่ายเพื่อให้เข้าพบ แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บและหวาดกลัวจึงยังไม่สามารถเข้าพบทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงจะออกมาชี้แจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนได้ หลังจากที่รักษาตัวหายดีแล้วตนเองก็ได้เดินทางไปชำระค่าปรับในข้อหาใช้รถโดยผิดประเภท ที่กรมขนส่งทางบกจังหวัดชลบุรี เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท แต่ตนเองเป็นแกร๊บคาร์ไม่ใช่อูเบอร์ ซึ่งแอปพลิเคชั่นแกร๊บคาร์ก็มีกลุ่มแท็กซี่ใช้กันเป็นจำนวนมากเช่นกัน
นายวุฒิชัย กล่าวว่าวันนี้ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีทะเลาะวิวาทที่ได้มีข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้นเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แต่ก็จะมีการแจ้งความกลับ เนื่องจากคู่กรณีกลุ่มแท็กซี่ ได้นำคลิปวีดีโอไปเผยแพร่ ตามเพจต่างๆ จนตนเองและครอบครัวได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงและอับอาย เพราะคู่กรณีได้ใช้ถ่อยคำที่รุนแรงเกินกว่าที่ตนเองจะรับได้ พร้อมทั้งเปิดคลิปดังกล่าวให้ดู ซึ่งถ่ายในคลิปดังกล่าวมีการขับไล่ ตะโกนประจานต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก และถ่อยคำที่ตนเองรู้สึกเสียใจมากที่สุดคือว่าตนเองเป็น “ไอ้คนขายชาติ” ซึ่งตนเองคิดว่าตนเองทำผิดถึงขนาดนั้นหรือ จึงต้องแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในข้อหมิ่นประมาท และพรบ.คอมพิวเตอร์
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นตนเองไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นเพียงแต่จะลงไปทวงแท็บเลตคืนเท่านั้น ซึ่งก่อนเกิดเหตุนักท่องเที่ยวได้ติดต่อมาให้ไปรับ ซึ่งตนเองก็ทำบริษัททัวร์อยู่ แต่ก็เลือกสถานที่รับ-ส่ง ผู้โดยสาร ซึ่งหลังเกิดเหตุตัวนักท่องเที่ยวก็ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านเรามันป่าเถื่อนกันขนาดนี้
อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะต้องใช้ดุลพินิจในการตัดสินก่อนจะแจ้งดำเนินคดี เพื่อความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วย…