พ่อ 4 เด็กตกตึก ลั่นย้ายลูกรักษาห้องพิเศษ คาใจแม่เก็บเงินบริจาค 2 ล้านไม่ใช้
ที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา รามคำแหง นายมาร์เซล เลออง โบเรล พ่อของเด็กลูกครึ่ง และ นางสาวชนันรัตน์ เพื่อนชาวไทย ได้เดินทางมาเยี่ยมอาการของ ด.ญ.ดีมา พาเมล่า โบเรล อายุ 11 ปี และ เด็กชายลูก้า ฟรองชัว โบเรล อายุ 10 ปี
ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการเข้าเยี่ยมนานเกือบ 1 ชั่วโมง นายมาร์เซล ผู้เป็นพ่อของเด็กทั้งสองคน ได้เปิดเผยกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ล่าสุดอาการของลูกทั้งสองเริ่มดีขึ้นตามลำดับแล้ว น้องลูก้าลูกชายบอกกับตนว่าอยากได้โทรศัพท์ไอโฟน ส่วนน้องดีดี้บอกว่าอยากได้หนังสือเรียนระดับมัธยม ซึ่งตนก็ตั้งใจว่าจะออกไปซื้อให้ ส่วนอาการของน้องชนิดา ลูกอีกคนที่ยังอยู่โรงพยาบาลรามคำแหง ล่าสุดอาการยังคงที่ แต่ชีพจรเต้นสูงขึ้นเวลาได้ยินเสียงพ่อ และมีน้ำตาไหลออกมาด้วย ซึ่งก็ถือว่ายังมีความหวัง
ส่วนการมาโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาในวันนี้ ก็เพื่อมาทำเรื่องขอย้ายลูกๆไปอยู่ห้องพิเศษ และจะขอยาดีๆ ให้ลูก ส่วนเงินที่นำมาใช้จ่ายในส่วนนี้ เป็นเงินที่มาจากครอบครัวที่สวิส และมาจากผู้ที่ร่วมบริจาคคนอื่น แต่เพื่อความโปร่งใส ตนจะเปิดบัญชีเป็นชื่อลูก และทุกครั้งที่มีการเบิกจ่าย จะนำหลักฐานไปแจ้งธนาคารให้ทราบทุกครั้ง เพื่อความบริสุทธิ์ใจ แต่สิ่งที่กังวลมากตอนนี้ คือตนไม่ไว้ใจอดีตภรรยา ไม่เชื่อว่าจะสามารถดูแลลูกได้
ดังนั้นตนจึงออกมาจัดการเรื่องลูกเอง เพราะไม่อยากไปวัดรอบสองแล้ว ส่วนเงินบริจาคที่ทางอดีตภรรยาได้รับมา ตนไม่ทราบว่ากระบวนการจัดการเงินก้อนนั้นเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ทราบมาอดีตภรรยาน่าจะได้เงินบริจาคมาประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งส่วนตัวก็สงสัยว่าเหตุใดไม่เอาเงินจำนวนดังกล่าว มาเป็นค่าห้องพิเศษให้ลูกบ้าง หากจะบอกว่าจะเอามาเป็นค่าเล่าเรียนให้ลูก ตนมองว่าสิ่งที่ควรใช้จ่ายตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องการรักษาตัวมากกว่า เพราะเด็กๆยังต้องรักษาตัวอีกนานหลายเดือน
ส่วนสาเหตุที่ว่า เหตุใดตนจึงไม่พูดคุยกับอดีตภรรยา ทั้งๆ ที่ต่างก็รักลูกมาก เรื่องนี้นายมาร์เซล ระบุว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีมาก เพราะตนก็เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตลอด 3 ปี จึงคุยกันไม่ได้ เคยถามอดีตภรรยาแล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบมาแค่ว่า เพราะผมไม่ดี หรืออาจจะเป็นเพราะอดีตภรรยาโกรธตนมาก ที่ขอให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะเคยให้โอกาสกลับตัวแล้ว แต่อดีตภรรยาก็ไม่เคยปรับปรุงตัว