การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018/19 นัดชิงชนะเลิศ
คืนวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2562
เวลา 02:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ VS ลิเวอร์พูล
สนามว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน กรุงมาดริด ประเทศสเปน
ถ่ายทอดสด Goal
ความพร้อมทั้ง 2 ทีม
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
แฮร์รี่ เคน หายจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้ากลับมาลงซ้อมร่วมกับทีมได้และมีสิทธิ์จะได้ออกสตาร์ทในเกมนี้ โดยคาดว่า ซน เฮือง-มิน หรือ ลูคัส มูร่า คนใดคนหนึ่งจะหลุดไปเป็นตัวสำรอง ขณะที่ แฮร์รี วิงค์ส กับ ดาบินซอน ซานเชซ ก็หายเจ็บกลับมาร่วมซ้อมด้วยเช่นกันพร้อมเป็นตัวเลือกให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ขณะที่ วิคเตอร์ วานยาม่า ได้รับบาดเจ็บมาจากเกมที่พวกเขาเอาชนะอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-2 ในรอบรองชนะเลิศ โดยที่ ยาน แฟร์ตองเก้น น่าจะได้ออกสตาร์ทแทนที่ประสานงานกับ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ในแนวรับ
อย่างไรก็ตาม ทัพไก่เดือยทอง จะขาด เบน เดวี่ส์ ที่มีปัญหาเจ็บที่โคนขาหนีบ
คาดการณ์ 11 ตัวจริง (4-3-1-2)
อูโก้ ยอริส ; คีแรน ทริปเปียร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ตองเก้น, แดนนี่ โรส ; มุสซ่า ซิสโซโก้, วิคเตอร์ วานยามา, คริสเตียน อีริคเซ่น ; เดเล่ อัลลี่ ; แฮร์รี่ เคน, ลูคัส มูร่า
ลิเวอร์พูล
เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันในการแถลงความพร้อมก่อนเกมว่า นาบี เกอิต้า จะหมดสิทธิ์ลงสนามในเกมนี้อย่างแน่นอนจากอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ แต่นอกจากนั้น ทัพหงส์แดงไร้ปัญหาแข้งเดี้ยงโดยที่นายใหญ่ชาว เยอรมันอาจต้องปวดหัวกับตัวเลือกในแดนกลางที่เบียดกันแน่นล้นทีมเมื่อมีทั้ง เจมส์ มิลเนอร์, จินี่ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แสตนด์บาย
ขณะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟิตพร้อมลงสนามแม้จะได้รับบาดเจ็บจากเกมที่เอาชนะบาร์เซโลน่า 4-0 ขณะที่ โจเอล มาติป น่าจะมีชื่อเป็นตัวจริงเบียด เดยัน ลอฟเรน เป็นตัวสำรอง
คาดการณ์ 11 ตัวจริง (4-3-3)
อลิสซอน ; เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จีนี่ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3)
12 พฤษภาคม พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 2-2 เอฟเวอร์ตัน
9 พฤษภาคม แชมเปี้ยนส์ลีก อาแจ็กซ์ 2-3 สเปอร์ส
4 พฤษภาคม พรีเมียร์ลีก บอร์นมัธ 1-0 สเปอร์ส
1 พฤษภาคม แชมเปี้ยนส์ลีก สเปอร์ส 0-1 อาแจ็กซ์
27 เมษายน พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 0-1 เวสต์แฮม
ลิเวอร์พูล (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1)
12 พฤษภาคม พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน
8 พฤษภาคม แชมเปี้ยนส์ลีก ลิเวอร์พูล 4-0 บาร์เซโลน่า
5 พฤษภาคม พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล 2-3 ลิเวอร์พูล
2 พฤษภาคม แชมเปี้ยนส์ลีก บาร์เซโลน่า 3-0 ลิเวอร์พูล
27 เมษายน พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 5-0 ฮัดเดอร์สฟิลด์
เฮดทูเฮด (สเปอร์ส ชนะ 1 เสมอ 1 ลิเวอร์พูล ชนะ 3)
31 มีนาคม 2019 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส
15 กันยายน 2018 พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 1-2 ลิเวอร์พูล
4 กุมภาพันธ์ 2018 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-2 สเปอร์ส
22 ตุลาคม 2017 พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 4-1 ลิเวอร์พูล
12 กุมภาพันธ์ 2017 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 สเปอร์ส
สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ
– ลิเวอร์พูล จะลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นครั้งที่ 9 ของพวกเขา นับว่าเป็นสโมสรจากอังกฤษ ที่มีโอกาสดังกล่าวมากที่สุด ซึ่งหงส์แดงสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ทั้งนี้ เร้ดแมชีน ก็อกหักในนัดชิงฯ 2 ครั้งหลังสุด (2007 และ 2018)
- ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ของพวกเขาและเป็นทีมที่ 8 จากแดนผู้ดีที่สามารถทำได้ แต่สถิติบ่งชี้ว่าทีมที่สามารถเข้าชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในนัดชิงฯแชมเปี้ยนส์ลีก 5 ครั้งหลังสุดตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ (เชลซี 2008, อาร์เซน่อล 2006, โมนาโก 2004, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2002 และ บาเลนเซีย 2000)
– นับเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่นัดชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่ของยุโรป เป็นการพบกันระหว่างสองทีมจากอังกฤษ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2008 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เบียดเอาชนะ เชลซี ได้จากการดวลจุดโทษ
- นับเป็นครั้งแรกที่คู่ชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นทีมที่ไม่สามารถเป็นแชมป์กลุ่มได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกมชิงฯ ระหว่าง อินเตอร์ มิลาน กับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2010
– ลิเวอร์พูล ทำสถิติเอาชนะ สเปอร์ส ได้ในการพบกันทั้ง 2 นัดในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้
- ครั้งล่าสุดที่ หงส์แดง ดวลกับ ไก่เดือยทอง ในนัดชิงชนะเลิศถ้วยเมเจอร์เกิดขึ้นในศึกลีกคัพ เมื่อปี 1982 โดยฝั่ง เร้ดแมชีน สามารถเบียดเอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ 3-1 ในช่วงการต่อเวลาพิเศษ
- ฝั่ง เดอะค็อป เคยปราชัยในศึกนัดชิงชนะเลิศยูซีแอล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาต่อ เรอัล มาดริด โดยทีมสุดท้ายที่แพ้ในนัดชิงฯ รายการดังกล่าว 2 ปีติดต่อกันคือ บาเลนเซีย ในปี 2000 และ 2001
- ทัพลิลลีไวท์ส เข้าชิงชนะเลิศถ้วยเมเจอร์ในรายการยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984 ที่พวกเขาเข้าชิงฯยูฟ่า คัพ และจะกลายเป็นทีมที่ 3 จากอังกฤษ ต่อจาก เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยคว้าแชมป์ทั้ง 3 รายการใหญ่บนเวทียุโรป (ยูโรเปี้ยนคัพ/แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า คัพ/ยูโรป้า คัพ และ คัพ วินเนอร์ส คัพ)
- เร้ดแมชีน ปราชัยในนัดชิงชนะเลิศทั้งในรายการภายในประเทศและรายการยุโรป 4 ครั้งหลังสุดนับตั้งแต่ที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกคัพ ในปี 2012 ขณะที่ถ้วยเมเจอร์ครั้งสุดท้ายที่ไก่เดือยทองคว้ามาได้เกิดขึ้นในรายการลีกคัพ ปี 2008 และปราชัยในนัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้งนับตั้งแต่นั้น
- สเปอร์ส ไม่สามารถเอาชนะ 3 เกมแรกของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้ แต่สามารถทะลุเข้าชิงชนะเลิศมาได้ นับเป็นทีมที่ 2 ต่อจาก อินเตอร์ มิลาน (2010) ที่ทำได้หลังจากฟอร์มบู่ในช่วงเริ่มต้นของทัวร์นาเมนต์
- มีเพียง ปอร์โต้ (10 ราย) เท่านั้นที่มีชื่อนักเตะที่เป็นผู้ทำประตูมากกว่า ลิเวอร์พูล (9 ราย)
- สเปอร์ส เป็นทีมที่เสียประตูในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้มากที่สุด (17 ประตู) โดย 41 เปอร์เซ็นต์ของประตูที่เสียไปเกิดขึ้นใน 15 นาทีแรกของเกม (7 จาก 17 ประตู)
- นับเป็นนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งที่ 3 ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2013, ลิเวอร์พูล 2018 และ ลิเวอร์พูล 2019) มีเพียง มาร์เชลโล่ ลิปปี้ เท่านั้นที่เคยทำสถิติอกหักในนัดชิงชนะเลิศ ยูซีแอล 3 ครั้ง (1997, 1998 และ 2003 กับ ยูเวนตุส)
– มีเพียง บ็อบ เพสลี่ย์ เท่านั้นที่สามารถพาลิเวอร์พูลเข้าชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปได้มากกว่า คล็อปป์ (เพสลี่ย์ 4 ครั้ง, คล็อปป์ 3 ครั้ง)
- ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูให้กับลิเวอร์พูลในนัดชิงชนะเลิศปีก่อนที่ปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ด้วยสกอร์ 1-3 เจ้าตัวอาจจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ของหงส์แดง ต่อจาก ฟิล นีล ที่ยิงให้กับทีมในนัดชิงฯ ถ้วยใหญ่ของยุโรปมากกว่าหนึ่งครั้ง (1977 และ 1984)
- และ มาเน่ อาจจะเป็นแข้งคนแรกในประวัติศาสตร์ถ้วยใหญ่ของยุโรปต่อจาก ฟรานซ์ ร็อธ ที่ยิงให้ทีมในนัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้งติดต่อกัน (บาเยิร์น มิวนิค 1975 และ 1976)
- เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อาจกลายเป็นนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปีที่สามารถลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้งติดต่อกันหลังจากที่ คริสเตียน ปานุชชี่ ทำให้กับ เอซี มิลาน ในปี 1994 และ 1995
ขอบคุณ Sanook