“สันธนะ” ชูกำปั้นเหมือนได้กลับบ้านเก่า แต่เป็นการสลับขั้ว ต้องมานอนห้องขังซะเอง
วันที่ 12 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ควบคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.สันติบาล มาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับในคดีกรรโชกทรัพย์ทั้ง 9 หมายจับ เมื่อพ.ต.ท.สันธนะ เดินทางมาถึงพร้อมทนายความก้าวลงจากรถตู้ พ.ต.ท.สันธนะ ก็ได้ชูมือกำปั้นทั้ง 2 ข้าง ก่อนที่จะพูดว่า “สวัสดีทุกคน ไม่เป็นไร ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเก่า ไม่มีปัญหา บ้านเรา แต่ก่อนผมเคยแต่จับผู้ต้องหาใส่ห้องขัง แต่วันนี้ผมต้องมานอนห้องขังของตัวเอง คืนนี้คงหลับดีมีความสุข ไม่ต้องห่วงครับทุกคน” ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวขึ้นสอบสวนยังชั้น 3 ของโรงพัก
ด้านนายธีรวัฒน์ เทียบที ทนายความของพ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ในชั้นสอบสวนนี้เรามองว่าเป็นการเหมือนกลั่นแกล้งกันมากกว่า คือคดีเดียวกันข้อหาเดียวกัน สามารถรวมออกหมายจับเป็นคดีเดียวได้ แต่นี่คุณออกทีละหมายๆ โดยเมื่อเช้าที่ไปแจ้งหน้าบ้านก็เป็นแค่หมายจับเพียงหมายเดียว เพื่ออะไร เพื่อที่จะออกหมายจากตรงนั้นเสร็จ ก็มาจับคดีที่สอง คดีที่สาม เบื้องต้น พ.ต.ท.สันธนะ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งในหมายจับก็ไม่มีรายชื่อผู้กล่าวหาแต่อย่างใด หมายจับนี้ได้มาอย่างถูกต้อง แต่จะผิดพลาดประการใดเราไม่ทราบ แต่เราจะมีการร้องคัดค้านออกหมายจับ เผื่อเจ้าหน้าที่ไปออกหมายเพิ่ม อย่างไรก็ตามก็จะมีการยื่นขอประกันตัวอย่างแน่นอน ส่วนหลักทรัพย์เท่าไหร่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. หัวหน้าผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว ได้เดินทางมาสอบปากคำ พ.ต.ท.สันธนะ ด้วยด้วยเอง ก่อนเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจชุดจับกุมได้ไปจับกุม พ.ต.ท.สันธนะ จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการสอบสวนปากคำ และก็บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป คาดว่าจะนำตัวฝากขังได้ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ค.) ทั้งนี้ยืนยันว่าเป็นการจับกุมตัวตามหมายจับ
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนการที่พ.ต.ท.สันธนะ ได้แจ้งก่อนว่าอยู่ที่ไหนอย่างไรจะเป็นข้อโต้แย้งได้หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงก็จะปรากฎอยู่ในสำนวนการสอบสวนว่าพฤติการณ์ในการได้ตัวมาเป็นอย่างไร ซึ่งอยู่ในบันทึกการจับกุมและสำนวนการสอบสวน ส่วนเรื่องการให้ประกันตัวนั้นจะต้องดูผู้ต้องหาก่อนว่าจะยื่นประกันตัวหรือไม่ หากมีการยื่นประกันตัวก็จะต้องดูหลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงของคดีและสภาพแวดล้อมต่างๆ ทุกอย่างจะต้องพิจารณาไปตามข้อกฎหมายของการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือก็อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุม ยังไม่มีการติดต่อประสานขอเข้ามอบตัว
“นอกจากนี้การสอบปากคำพ่อค้าแม่ค้าตลาดใหม่ดอนเมืองในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีกลุ่มอิทธิพลอื่น ต้องบอกว่าประเทศไทยไม่มีผู้มีอิทธิพล มีแต่ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย หรือไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าใครทำผิดกฎหมายแล้วมีผู้เสียหาย หากมีพยานหลักฐานเพียงพอก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ส่วนกรณีของพ.ต.ท.สันธนะ มีผู้เสียหายร้องทุกข์ จึงได้สอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานนำไปสู่ศาล เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าจะออกหมายจับหรือไม่ ท่านก็ดูพยานหลักฐานในเบื้องต้นมีพยานหลักฐานเพียงพอจะเชื่อว่า กลุ่มที่ถูกร้องทุกข์กล่าวหาได้กระทำความผิดจริง จึงได้ออกหมายมา ในเรื่องเกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์” พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าว
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.สันธนะ มองว่าการถูกออกหมายจับต่างๆ เป็นการกลั่นแกล้งนั้น เป็นไปไม่ได้เพราะตำรวจทำไปตามข้อเท็จจริงของคดี ไม่มีใครที่จะสามารถกลั่นแกล้งใครได้ หากพนักงานสอบสวนทำงานเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาว่าจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ ถ้ามีคำสั่งฟ้องทุกอย่างก็จะต้องขึ้นสู่กระบวนการของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกรอบกฎหมายเป็นไปไม่ได้ ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.สันธนะ ไม่ยอมเซ็นชื่อลงในบันทึกจับกุมนั้น หากไม่ยินยอมเซ็นก็จะต้องทำบันทึกไว้ กฎหมายกำหนดวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว จะเซ็นหรือไม่เซ็นไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีผลต่อคดี ยืนยันว่าตำรวจไม่สามารถทำอะไรนอกกฎหมายได้