ย้อนดู?! มีแต่แดงปีกล้มเจ้าที่โหน 112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง-คนทั่วไปไม่มีใครเดือดร้อน คำอ้างขอแก้ไขจึงฟังไม่ขึ้น
แม้การแตะมือกันของ “ไพร่หมื่นล้าน” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” กับ “อดีตอาจารย์นิติราษฎร์” อย่าง “นายปิยะบุตร แสงกนกกุล” เพื่อตั้ง “พรรคอนาคตใหม่” โดยอ้างคนรุ่นใหม่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อสัปดาห์ก่อนจะสร้างความฮือฮาอยู่ไม่น้อย
แต่สิ่งที่สังคมไม่อาจละเลย และไม่ควรมองข้ามก็คือ หัวหอกทั้งคู่ของพรรคอนาคตใหม่ล้วนมีมุมมอง และเคยเคลื่อนไหวหมิ่นเหม่ในประเด็นสถาบันฯ เบื้องสูงมาก่อน
โดยเฉพาะปิยะบุตรนั้น เคยอยู่ในกลุ่มคนที่เสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยซ้ำ โดยเขาอ้างว่า “เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จัดการฝ่ายตรงข้าม”
อย่างไรก็ตาม คำอ้างของปิยะบุตรที่ว่า “เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จัดการฝ่ายตรงข้าม” ดูจะเป็น “บูมเมอแรง” ย้อนเข้าตัวปิยะบุตรและธนาธรอยู่ไม่น้อย เพราะใครก็รู้ว่าทั้งคู่นั้น…เป็นอีกปีกหนึ่งของเสื้อแดง…หรืออย่างน้อยก็เคลื่อนไหวแบบสัมพันธ์เกื้อหนุน และคนที่ได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของเขาคือคนเสื้อแดง และระบอบทักษิณ
โดยเฉพาะประเด็น ม.112 นั้นคนที่ได้ประโยชน์เรื่องนี้ไปเต็ม ๆ คือ “แดงล้มเจ้า” จริงอยู่ แม้เสื้อแดงจะไม่ได้มีแนวคิดล้มเจ้าหรือไม่เอาสถาบันฯ กันทุกคน แต่ทุกคนที่มีแนวคิดล้มเจ้าล้วนเป็นเสื้อแดง…นี่ก็เป็นความจริงอีกเช่นกัน
เรื่องนี้เป็นความจริงเชิงประจักษ์ในระดับที่จับต้องได้ อาทิ การเคลื่อนไหวของคอมมิวนิสต์หลงยุคอย่างแกนนำกลุ่มแดงสยาม (ซึ่งก็ถือเป็นปีกหนึ่งของเสื้อแดง) อย่าง “นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์” หรือ “นายสุรชัย แซ่ด่าน” ที่ผู้รู้บางคนเรียก “ซ้ายไดโนเสาร์” เหตุที่เขาวิเคราะห์สังคมไทยด้วย “แว่นตาแดงที่หลงยุค” และเคลื่อนไหวชูธงปฏิวัติเปลี่ยนระบอบ และโค่นล้มสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด แม้ปัจจุบันตัวเขาจะหนีไปต่างประเทศแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมุดลงไปจัดรายการ “ใต้ดิน” ผ่านโลกโซเชี่ยลฯ กล่อมสาวกแดงปีกล้มเจ้าข้ามโขงมาอยู่เสมอ ๆ
ในอดีต “นายสุรชัย” เคยถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาแล้วถึง 2 ครั้ง ก่อนจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษออกมา และหลังจากนั้นก็ยังร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงมาโดยตลอด ก่อนแยกตัวออกมาจัดตั้งกลุ่ม “แดงสยาม” ร่วมกับ “นายจักรภพ เพ็ญแข” อีกหนึ่งแดงล้มเจ้าที่ต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศ และมีสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ นายใหญ่-ทักษิณระดับนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
โดยนายสุรชัย เคยบอกด้วยซ้ำว่า ตอนที่ตนติดคุกอยู่นั้น นายใหญ่-ทักษิณส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 3,000 บาททุกเดือน
ว่าไปแล้ว กรณีของสุรชัยนับเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ของคนเสื้อแดงที่หยิบ ม.112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แล้วโจมตีไปที่สถาบันเบื้องสูง เพราะนอกจากเขายังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้จากเสื้อแดงที่อยู่ต่างประเทศอีกหลายต่อหลายราย ทั้ง “นายเอนก ชัยชนะ” หรือ “เอนก ซานฟราน” เจ้าของร้านอาหาร King of Thai Noodle แกนนำคนเสื้อแดงในซานฟรานซิสโก ที่เป็นหัวหอกเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันอยู่หลายครั้ง กระทั่งไปมีชื่อเป็นผู้หนุนหลังส่งท่อน้ำเลี้ยงให้ “นายวัฒนา ภุมเรศ” ก่อความรุนแรงวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เมื่อปีก่อนด้วยซ้ำ
นายเอนก เคยถูกกลุ่มคนไทยในแคลิฟอร์เนียหลายสิบคนเข้าชื่อแจ้งความต่อสถานกงสุลไทยในลอสแองเจลิส ให้ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์จากกรณีการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 54 เป็นโมฆะ เพราะเขามักจะออกรายการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง และกล่าววาจาดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงในรายการชื่อ “ความจริงประเทศไทย” ซึ่งเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ยูทิวบ์ และเว็บไซต์ของกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่บ่อยครั้ง เหตุนี้ชื่อของเขาจึงติดอยู่ในรายชื่อผู้ต้องหาคดีพิเศษที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษถึง 2 คดี ได้แก่คดีพิเศษที่ 41/54 กล่าวหา นายอนก ชัยชนะ เผยแพร่คลิปภาพและเสียงเนื้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ผ่านเว็บไซต์
และคดีพิเศษที่ 42/54 กล่าวหา นายมนูญ หรือ เอนก ชัยชนะ โทรศัพท์แสดงความคิดเห็นกับสื่อท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2549 กรณีการเลือกตั้งเป็นโมฆะ มีข้อความพาดพิงสถาบันเบื้องสูง มีการดำเนินการขอให้มีการส่งตัวนายมนูญเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาไม่มีความผิดข้อหานี้ จึงไม่เข้าเงื่อนไขของการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
ขณะที่แนวร่วมของเขาหลายคน ทั้งนายเพียงดิน รักไทย นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือแม้แต่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งว่าไปแล้ว ก็ล้วนแต่เป็นสมาชิกของคนเสื้อแดง และเป็นบุคคลซึ่งหลบหนีหมายจับคดีหมิ่นเบื้องสูงทั้งสิ้น
เหตุนี้ หากจะโฟกัสกันจริง ๆ ตามที่ “ปิยะบุตร” กล่าวอ้างว่า “แก้ไข ม.112 เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จัดการฝ่ายตรงข้าม” นั้น…คนที่น่าจะได้ประโยชน์ และตีปีกด้วยความดีใจ…น่าจะเป็นคนเสื้อแดง…ซึ่งก็สัมพัทธ์สัมพันธ์กับธนาธร และปิยะบุตร…อย่างที่สังคมหลับตา…ยังนึกภาพออก