ข่าวท้องถิ่น ข่าวในประเทศช็อกวงการคอหวย!! “ลุงดวงเฮง” ถูกรางวัลที่1 30 ล้าน แต่ถูกตำรวจแจ้งความ กลายเป็นผู้ต้องหา ขโมยลอตเตอรี่ December 6, 2017 Share0 ช็อกวงการคอหวย!! “ลุงดวงเฮง” ถูกรางวัลที่1 30 ล้าน แต่ถูกตำรวจแจ้งความ กลายเป็นผู้ต้องหา ขโมยลอตเตอรี่ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา เพซบุ๊กเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เผยแพร่เรื่องราวเตือนภัยสังคมของอดีตข้าราชการตำรวจดวงเฮงที่ถูกลอตเตอรี่จำนวนกว่า 30 ล้าน แต่ใช้เงินไปได้ไม่มันไร ก็เจอทุกขลาภอย่างหนัก เมื่อมีคุณครูรายหนึ่งอ้างว่า เป็นผู้ถูกลอตเตอรี่ตัวจริง พร้อมกับกล่าวหาว่าอดีตตำรวจรายนี้ขโมยลอตเตอรี่ไป ก่อนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี ทำให้ตำรวจเจ้าของคดีต้องอายัดเงินในบัญชีจำนวนที่เหลือกว่า 20 ล้านบาท ไปโดยปริยายไปเลย เพซบุ๊กเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าว โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ ทุกขลาภถูกหวย30ล้าน กลับจะต้องมาเป็นผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีคุณลุงซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจเกษียณคนนึงถูกหวย 30 ล้านบาท ได้เอาเงินฝากเข้าบัญชี แล้วแบ่งส่วนนึงใช้หนี้บ้าน หนี้รถ เงินที่เหลือตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกและใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่แล้ววันที่ 28 พฤศจิกายนได้มีตำรวจเชิญไปพบ แล้วแจ้งว่า คุณลุงเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยล็อตเตอรี่ของคุณครูท่านนึงไป เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดเงิน 20 กว่าล้าน ของคุณลุงไป คุณลุงพยายามบอกแล้วว่าตนซื้อมาเองด้วยเงินสุจริต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อ อ้างว่ามีหลักฐานว่าคุณครูไปซื้อเพราะมีแม่ค้าล็อตเตอรี่มายืนยันว่าขายให้ครูจริง!! คุณลุงทุกข์ใจมากที่จู่ๆก็จะต้องเป็นผู้ต้องหา ต้องติดคุกเพราะมีคนมาอ้างว่าตนขโมยล็อตเตอรี่ไป มีเจ้าหน้าที่ธนาคารระดับสูงท่านหนึ่งเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล ว่าน่าจะเป็นขบวนการสมอ้างมาเป็นคนถูกหวย จึงแนะนำให้คุณลุงมาหาทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จนวันที่ 3 ธันวาคม คุณลุงได้เดินทางจากกาญจนบุรีมาหาผม เพื่อมาขอความเป็นธรรม อยากจะให้ช่วยสืบหาความจริง และ อยากจะให้สื่อมวลชนรับรู้เรื่องนี้ วันที่ลุงมาหา ผมก็พยายามค้นหาความจริง โดยขู่คุณลุงว่าหากโกหก ผมจะไม่ช่วย และเรื่องอาจจะเลวร้ายกว่าเดิม คุณลุงอาจต้องติดคุก แต่คุณลุงก็ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง (ชมภาพ) ผมจึงต้องไปหาหลักฐานถึงกาญจนบุรีและฟังความอีกครั้งหนึ่งเพื่อพิจารณา ว่าเรื่องที่คุณลุงเล่ามาเป็นความจริงหรือไม่ วันที่ 3-4 ธันวาคม ผมจึงต้องลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บุคคลข้างเคียงซึ่งรู้จักกับทั้งสองฝ่าย ว่าลักษณะนิสัยของทั้งคู่เป็นอย่างไร และมีโอกาส ได้ไปคุยกับคุณครูซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ซื้อลอตเตอรี่ตัวจริง!! คุณครูกล่าวว่า ตนเป็นผู้ซื้อรางวัล โดยมีหลักฐานแน่นหนา เพราะว่าเคยคุยไลน์กับทางคนขายลอตเตอรี่ว่าจะซื้อเลข 26 และคนขายลอตเตอรี่ก็ยืนยันว่าตนได้ซื้อเลข ที่ถูกรางวัลที่ 1 จริง โดยสามารถจำเลขที่ขายให้คุณครูได้ทุกตัวทุกฉบับ แต่ถ้าคุณลุงจะเจรจา ตนยินดีที่จะแบ่งเงินให้ คุณลุงจำนวน 15 ล้าน เพราะถือว่าเคยทำบุญร่วมกันมา ประกอบกับตนเป็นผู้โอบอ้อมอารีและชอบแบ่งปัน จึงอยากจะให้จบเรื่องราว เมื่อผมถามว่ายินดีจะออกสื่อเพื่อให้สังคมตัดสินไหม คุณครูบอกว่าไม่สะดวกเพราะตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นตำรวจแล้ว เมื่อผมขอดูไลน์ ว่าในวันที่ 31 ตุลาคมได้มีการคุยกับแม่ค้าขายลอตเตอรี่ว่าจะเอาเลขนี้จริงหรือไม่ คุณครูก็เอาโทรศัพท์มาให้ผมดู แต่เมื่อย้อนกลับไปในวันนั้น กลับไม่มีข้อความดังกล่าว ผมจึงถามคุณครูว่าข้อความดังกล่าวหายไปไหน คุณครูอ้างกับผมว่า ตำรวจไม่ต้องการให้เผยแพร่ จึงเก็บข้อความนั้นไว้ เป็นหลักฐานหมดแล้ว ผมจึงถามต่อไปว่า แล้วทำไมต้องลบออก คุณครูตอบกับผมเพียงว่า ตำรวจบอกว่าไม่อยากให้คนเห็นข้อความนี้เยอะ จึงกลัวคุณครูจะเอาไปให้ใครดูจึงลบออกเฉพาะวันที่ 31 ตุลาคม จากการคุย กับทั้งสองฝ่าย ทำให้ผม เห็นข้อพิรุธ หลายๆอย่างในคดีนี้ แล้วจึงตัดสินใจ เป็นทนายให้กับคุณลุงและครอบครัว วันที่ผมลงพื้นที่ หาข้อมูล ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงคนหนึ่ง ซึ่งเขาได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผม เราทั้งสองฝ่ายได้ข้อมูลมาเหมือนกันว่าขบวนการนี้ มีนายตำรวจระดับสูง รับงานมา หากว่าสำเร็จ จะมีค่าดำเนินการ 15 ล้านบาท ซึ่งผมจะเปิดโปงขบวนการนี้ ให้สังคมได้รับรู้ในเวลาต่อไปครับ Source: ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ