จากกรณีที่โซเชียลมีการแชร์ภาพรถกระบะคันหนึ่งที่โดนเขียนด้วยคำหยาบคายประจานรอบรถ โดยเจ้าของเฟซบุ๊กระบุว่า จับได้ว่าสามีไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นที่ชื่อ “น้ำหวาน” โดยพฤติกรรมความเจ้าชู้ของสามีนั้น ตนจับได้หลายครั้งแล้ว แต่ฝ่ายชายก็ยังไม่เลิกนิสัยเดิมๆ พาผู้หญิงมาหยามถึงบ้านของตน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นนี้อย่างหนัก
ล่าสุด รายการ เจาะประเด็น ทางช่อง 8 ดำเนินรายการโดย ต่วย-ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ ได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้ที่ถูกสังคมกว่าหาว่าเป็นเมียน้อย ชื่อ “น้ำหวาน” และพี่สาวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น พร้อมทั้ง ทนายรัชพล ศิริสาคร ร่วมพูดคุยในรายการ
น้ำหวาน เปิดใจว่า ผู้ชายคนนั้นเพิ่งมารู้จักกันวันที่เกิดเหตุ พี่สาวตนเองชวนไปเที่ยวแปดริ้วและพบกับเพื่อนๆ ซึ่งมีผู้ชายคนนี้อยู่ในกลุ่มเพื่อนด้วย ซึ่งทั้งหมดได้ไปเที่ยวกินดื่มด้วยกันและไปต่อกันหลายร้าน โดยจุดที่เกิดเหตุในรูปหลุดคือร้านที่ 3 ตนนั่งโต๊ะเดียวกับผู้ชายแต่คนละฝั่ง ชายคนนี้คือเพื่อนของพี่สาว ตนไม่ได้คิดอะไร ฝ่ายชายเข้ามาทางพี่สาว แต่ผู้ชายมาบอกพี่สาวว่า ชอบตน แต่พี่รู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้วเลยไม่ได้สนับสนุน ยืนยันว่า ไม่มีใจ ไม่ใช่สเปก ไม่ได้ชอบ เพราะตนมีแฟนแล้ว ส่วนรูปแอบถ่ายที่หลุดออกมาก็ไม่รู้ว่าใครถ่าย
น้ำหวาน กล่าวต่อว่า คืนดังกล่าวแยกย้ายกันประมาณตี 3 ฝ่ายชายพยายามขึ้นรถไปกับตนบอกให้ไปส่ง โดยที่ตนพยายามไล่ลงแล้วแต่ก็ไม่ลง สุดท้ายก็เลยขับรถไปส่งผู้ชายที่บ้าน เพราะเห็นว่าใกล้นิดเดียว ซึ่งในรถแม้ว่าจะนั่งสองคนแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีลวนลามอะไร และตนยังได้บอกฝ่ายชายว่า รู้จักแฟนของเขา
ตอนกลับรถในซอยบ้านฝ่ายชายก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตามมา ปิดไฟ ตามมาปาดหน้ารถ เลยถามฝ่ายชายว่า แฟนพี่หรือเปล่า เขาก็บอกว่าใช่ พอตนจอดรถ ผู้หญิงคนนั้นก็มาทุบกระจกรถแล้วด่าเสียๆ หายๆ และผู้ชายก็บอกว่าให้ตนขับรถหนีออกไป ให้หนีตอนนี้ ตนสติแตกเพราะกลัว ผู้หญิงคนนั้นตะโกนบอกให้ตนลงไปคุย แต่ตนกลัวโดนทำร้ายก็เลยไม่ได้ลงไปคุยแล้วถอยรถหนีออกมา ซึ่งผู้ชายก็ไม่ยอมลงจากรถและบอกให้เราไปส่งบ้านอีกหลังคนละอำเภอระหว่างนั้นก็เห็นว่าภรรยาเขาโพสต์เฟซบุ๊กเผาเสื้อผ้า เขียนรถด่าตามที่เป็นข่าว
น้ำหวาน กล่าวต่อว่า ตอนนี้เรื่องก็ยังไม่จบแฟนเขายังพิมพ์โพสต์ด่าประจานอยู่เลย ตนโทรไปก็ไม่รับสาย สุดท้ายทนไม่ไหวไปลงบันทึกประจำวันว่าทำให้เราเสียหาย ทำให้อับอาย และตำรวจก็ให้ไปรวบรวมข้อมูล ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับว่าบันดาลโทสะ ซึ่งหลังจากนั้นเพื่อนได้นัดไปเคลียร์แต่พูดไม่ดี เราก็ห่วงความปลอดภัยและไม่กล้าไป และยังไม่ได้คุยกันอีก แต่อยากให้มาขอโทษผ่านสื่อ ขอโทษทางโทรศัพท์มันน้อยไปกับสิ่งที่ฝ่ายนั้นทำให้ตนเสื่อมเสีย
Cr.Sanook