รัฐบาลไต้หวันยืนยันรายงานข่าวของสื่อตะวันตก ที่ว่าไต้หวันขอซื้อรถถังและมิสไซล์แบบเคลื่อนย้ายได้จากสหรัฐฯ ด้านจีนเตือนสหรัฐฯ ถึงความ “ห่วงกังวลอย่างรุนแรง” ต่อคำขอซื้ออาวุธครั้งนี้ เรียกร้องยุติการขายที่อาจกระทบความสัมพันธ์
รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2562 อ้างแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมไต้หวันวันเดียวกัน ซึ่งยืนยันว่า ไต้หวันได้ส่งคำร้องอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอซื้อรถถังเอ็ม1 เอ2 เอบรามส์ จำนวน 108 คัน, มิสไซล์ต่อต้านรถถังแจฟลินและโทว์ มากกว่า 1,500 ลูก และมิสไซล์ต่อต้านอากาศยาน สติงเกอร์ แบบประทับไหล่ 250 ลูก คำขอของไต้หวันกำลังดำเนินการตามปกติ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ถึงแผนของรัฐบาลที่ตกลงจะขายอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน
ด้านรัฐบาลจีน ซึ่งมีข้อพิพาทบาดหมางกับสหรัฐฯ หลายเรื่อง ประณามแผนการขายอาวุธให้ไต้หวัน ซึ่งจีนถือว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนที่จีนไม่ปฏิเสธจะใช้กำลังทางทหารเพื่อผนวกหากไต้หวันประกาศเอกราช
เกิ๋ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จีนมีความห่วงกังวลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการดำเนินการของสหรัฐฯ และคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดขายอาวุธและจัดการกับประเด็นที่เกี่ยวกับไต้หวันอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี สันติสุขและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน
แฟ้มภาพ ทหารไต้หวันยิงมิสไซล์เจฟลิน ระหว่างการซ้อมรบฮั่นกวงครั้งที่ 35 ที่เมืองผิงตง เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 / AFP
นับแต่ ไช่ อิงเหวิน ซึ่งมีแนวคิดหนุนเอกราช ขึ้นเป็นประธานาธิบดีไต้หวัน จีนได้เพิ่มการกดดันไต้หวันทั้งทางการทูตและการทหาร ทั้งการฝึกซ้อมทางทหารใกล้เกาะไต้หวันบ่อยครั้ง และช่วงชิงพันธมิตรทางการทูตของไต้หวันที่มีน้อยอยู่แล้วให้หันมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแทน
สหรัฐฯ ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตขั้นปกติกับไต้หวันแล้วหันมาสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนแทนเมื่อปี 2522 แต่สหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรหลักอย่างไม่เป็นทางการของไต้หวัน และกฎหมายผูกมัดว่าสหรัฐฯ ต้องปกป้องความมั่นคงของไต้หวัน รวมถึงการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ไม่กี่ปีมานี้ สหรัฐฯ ระมัดระวังการขายอาวุธมูลค่ามหาศาลแก่ไต้หวัน เนื่องจากหวั่นเกรงจีนโกรธกริ้ว
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีทรัมป์ประสงค์จะกระชับความสัมพันธ์กับไต้หวัน และแสดงท่าทีเต็มใจจะขายระบบอาวุธสำคัญๆ ไต้หวัน ปีที่แล้วรัฐบาลของเขาประกาศแผนขายอะไหล่มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ สำหรับเครื่องบินเอฟ-16 และซี-130 ที่ไต้หวันมีอยู่
ไต้หวันยังเคยยื่นคำขออย่างเป็นทางการเพื่อซื้อเครื่องบินขับไล่ลำใหม่ๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น แต่สหรัฐฯ ยังไม่มีท่าทีอย่างเปิดเผยต่อคำขอนี้
ขอบคุณ Sanook
