พี่ชายขอประกาศตัดขาด “ความเป็นพี่น้อง” หลังน้องชายตัวแสบ ใช้สำเนาและชื่อก่อเหตุหลอกลวงผู้อื่นทั่วภาคอีสาน ต้องรับเคราะห์แทน ตำรวจรวบตัวได้-จนมุมต่อหลักฐาน
เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ที่หน้ากองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ต.วรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ภูธรจังหวัดอุดรธานี และผู้เสียหายคือ นายภักดี อายุ 56 ปี และ นายทองคำ อายุ 39 ปี ร่วมกันแถลงข่าว ในการจับกุมตัว นายทองดำ อายุ 37 ปี เป็นบุคคลที่ไม่มีหลักฐานข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ และไม่มีเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน
ฐานความผิดในข้อหาฉ้อโกง หลอกลวงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น พร้อมของกลาง เป็นรถยนต์มิตซูบิชิ สีบรอนซ์เงิน, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง, สำเนา, โฉนดที่ดิน และเอกสารสัญญาว่าจ้างปลอม ที่ใช้ชื่อ นายทองคำ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ทำการว่าจ้างคนอื่น
พล.ต.ต.วรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผบก.ถภ.จว.อุดรธานี เปิดเผย เนื่องจากว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก นายภักดี ผู้เสียหายว่า มีผู้ทำการแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้รับเหมาจากไต้หวัน และมีโครงการก่อสร้างกำแพงระยะความ 14 กิโลเมตร ในตำบลเชียงพิณ อ.เมืองอุดรธานี มูลค่า 8 ล้านกว่าบาท มาติดต่อทำการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยหลายรายในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ทำให้ตนหลงเชื่อและสูญเงินไปกว่า 250,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2-8 มิถุนายนที่ผ่านมา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายทองดำ ผู้ต้องหาได้ที่ ต.นาดี อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู พร้อมของกลาง สำเนาโฉนดที่ดิน, เอกสารสัญญาว่าจ้างปลอม โดยพบว่าแอบอ้างใช้ชื่อ นายทองคำ ซึ่งเป็นพี่ชาย ใช้เป็นผู้ว่าจ้างงานแก่ผู้รับเหมา จึงทำการตรวจยึดและควบคุมไปสอบสวน
จากการสอบสวน นายทองดำ ให้การรับสารภาพว่า เดิมได้อาศัยอยู่ที่ อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี แต่จำที่อยู่ไม่ได้ เพราะตนเองได้ย้ายออกมานานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าคำให้การของผู้ต้องหามีพิรุธหลายประการและให้การวกวน โดยผู้ต้องหามีสำเนาบัตรประชาชนของนายทองคำ และเมื่อตรวจสอบพบว่าชื่อของ นายทองดำ ไม่ปรากฏอยู่ในทะเบียนราษฎร์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานงานกับสำนักงานทะเบียน ตามที่อยู่ในสำเนาบัตรประจำตัว กระทั่งพบว่าแท้ที่จริงแล้ว นายทองคำ คือพี่ชายของผู้ต้องหา จึงเชิญตัวมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยืนยันตัวตน พร้อมกับญาติๆ และผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมได้คือ นายทองดำ เป็นน้องชายแท้ๆ ของนายทองคำ ทำให้ผู้ต้องหาจนมุมต่อหลักฐาน
ทางด้าน นายทองคำ พี่ชายได้เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นชาวนา แต่น้องชายยึดอาชีพรับเหมา ไปทำการหลอกลวงคนอื่น ซึ่งน้องชายตัวแสบ ได้ใช้ชื่อตนเองไปหากิน ทำให้ตนได้รับเดือดร้อน เคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว 2 คดี ซึ่งมีหมายเรียกจาก สภ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ในข้อหาฉ้อโกงเป็นมูลค่า 48,000 บาท และยังมีคดีจาก สภ.นาแห้ว จ.เลย ในข้อหาฉ้อโกงมูลค่า 280,000 บาท ที่ผ่านมาตนต้องมารับผิดชอบแทน ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อกรรมไว้
ทั้งนี้ ตนและญาติๆ ได้เดินเรื่องพาน้องชายไปทำบัตรประจำตัวประชาชนอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้ง นายทองดำ ก็หนีไปไม่ยอมทำ กระทั่งเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน นายทองดำ ได้มาขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของตนไป โดยที่ตนไม่ได้เซ็นชื่อกำกับในสำเนาด้วย ก็ไม่ได้นึกว่าน้องชายจะนำเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี
นายทองคำ ยังกล่าวว่า หลังจากนี้ตนก็คงประกาศตัดขาดคำว่าพี่เป็นน้องกับนายดำ และจะไม่คบหากันอีก ตนรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมน้องชายได้ เพราะตนก็จะพ้นจากข้อหาต่างๆ ที่ นายทองดำ ไปก่อเรื่องเอาไว้มากมาย และพ้นมลทินเสียที
พล.ต.ต.วรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า นายทองดำ เป็นบุคคลไม่มีชื่อและข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ จึงได้เอาชื่อพี่ชายที่คล้ายกันไปก่อเหตุหลอกลวงผู้อื่น ในการรับเรื่องเหมาก่อสร้าง รวมถึงไปหลอกเช่ารถที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งทำเป็นขบวนการ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการขยายผลต่อ
อย่างไรก็ตาม หากใครเคยถูก นายทองดำ ไปหลอกลวงหรือฉ้อโกงๆ ในชื่อ นายทองคำ ให้มาดำเนินการแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งคาดว่าคดีนี้อาจจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นอีกรายหลาย
Cr.Sanook