วันนี้ (4 มิ.ย. 62) เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหาผู้สูญหายในป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ นำโดย นายพัฒนา พึ่งผล ปลัดอาวุโส อ.บัวเชด พร้อมด้วย ร.ต.อ.ชูชีพ บานพิทักษ์ รอง ผอ.ร้อย ตชด.214 กองกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ประจำฐานปฏิบัติการช่องกระโดน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบัวเชด เจ้าหน้าที่ทหาร จากหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 214 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
แพทย์จาก รพ.บัวเชด,จนท.ตำรวจ สภ.บัวเชด เจ้าหน้าที่กู้ภัยสุรินทร์ เจ้าหน้าที่วีอาร์กู้ชีพ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยตาดาน ได้นัดหมายรวมตัวกันเดินเท้าไปชันสูตรศพ นายชัยยศ อายุ 24 ปี ชาว จ.สกลนคร พร้อมด้วย พ่อแม่ผู้ตาย คือ นายแสงอุทัย อายุ 56 ปี และนางระพิน อายุ 55 ปี ,นางมะลิ อายุ 53 ปี น้าของผู้ตาย พร้อมด้วยญาติพี่น้องที่เดินทางมาจาก จ.สกลนคร ไปทำพิธีเชิญวิญญาณ และชันสูตรศพ ก่อนเคลื่อนนำศพกลับออกมาจากพื้นที่พบศพซึ่งอยู่ในป่าลึก
หลังจากนายจำรัส อายุ 60 ปี ชาวบ้านแซรไปร หมู่ 8 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้พบศพ เมื่อเวลา 09.00 น.ของวานนี้ (3 มิ.ย.62) ที่ผ่านมา ขณะนำวัวไปเลี้ยงบริเวณป่า และได้เดินเข้าไปหาผักผ้าตามเนินเขาใกล้กับบริเวณถ้ำผาสาวโศก ก่อนจะได้กลิ่นเหม็นผิดสังเกตอย่างรุนแรง มาจากซอกโขดหิน ทางลงถ้ำผ่าสาวโศก จึงเดินตามกลิ่นเข้าไปยังบริเวณนั้น เมื่อเข้าไปใกล้ๆ พบว่าเป็นศพคนนอนเสียชีวิตในซอกหิน บริเวณทางลงถ้ำผาสาวโศกดังกล่าว ในสภาพศพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ มีแมลงวันบินตอมเกาะอยู่ตามร่างศพอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้น ได้รีบเดินทาง เข้ามาแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านโอทะลัน ต.จรัส อ.บัวเชดได้รับทราบ และได้ประสานเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยญาติ ผู้สูญหาย เมื่อญาติผู้สูญหายเดินทางเข้าไปถึงจุดที่พบศพ ต่างพากันยืนยันว่าเป็นศพของนายชัยยศ อายุ 24 ปี ที่หายตัวไปจริง และเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ทีมค้นหาจึงนัดหมายกันเดินทางไปชันสูตรและนำศพห่อผ้า ก่อนจะแบกเคลื่อนศพขึ้นมาจากจุดที่พบศพออกมาจากป่า รวมระยะทางไปกลับกว่า 10 กม.
ซึ่งศพถูกได้นำมาถึงวัดบ้านโอทะลัน ต.จรัส ในเวลาประมาณ 13.30 น. ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพแบบเรียบง่ายด้วยกองฟืนในเวลา 15.00 น. ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวและญาติพี่น้อง ก่อนที่ครอบครัวและญาติพี่น้องจะทำการเก็บกระดูกในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ และในช่วงเช้าจะประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ที่วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ต.จรัส อ.บัวเชด ก่อนจะนำกระดูกกลับบ้านเกิดที่ จ.สกลนครต่อไป
ขณะที่พ่อแม่และญาติพี่น้องของผู้ตาย ระหว่างที่เผาศพ ได้พากันเดินยกมือไหว้ขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และซาบซึ้งถึงน้ำใจของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ ที่ให้ความช่วยเหลือและดูแลเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ค้นหาศพกว่า 14 วัน แม้จะพบกลายเป็นศพก็ตาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างให้กำลังใจครอบครัวได้สู้และดำเนินชีวิตต่อไป
ขณะที่ญาติทุกเชื่อว่า สิ่งลี้ลับในป่าเขตแนวชายแดนบริเวณถ้ำผาสาวโศกมีจริง และปิดบังซ่อนเร้นไม่เปิดทางให้เห็นผู้สูญหายแม้ว่าจะติดตามและเชื่อว่าผู้สูญหายอยู่ในบริเวณนี้อย่างแน่นอนตามคำบอกเล่าของร่างทรง แม้จะระดมกำลังกันค้นหาจำนวนมากก็ตาม แต่ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ใช้เวลาค้นหาถึง 14 วัน จนมีชาวบ้านไปพบเป็นศพดังกล่าว
นางมะลิ อายุ 53 ปี น้าของผู้ตาย กล่าวว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวเราหมดความหวังแล้ว กำลังจะกลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานนี้ พอเราพูดว่าจะกลับก็มีคนส่งข่าวให้เราทราบและไปดูศพเลย ก็เป็นเขาจริง ศพอยู่ในหลืบหิน ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็นเลย ดีใจที่พบเขา แต่เสียใจที่เขาไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุเราก็ไม่รู้ว่าเขามาเข้าป่าทำไม เพราะเขาไม่ค่อยกลับบ้านและไม่ได้อยู่กับเรา ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกภาคส่วนและชาวบ้านที่ช่วยเหลือเราทุกอย่าง ขอบคุณมากๆไม่ทอดทิ้งเรา ทั้งๆที่เราไม่ใช่ญาติ
นายพัฒนา พึ่งผล ปลัดอาวุโส อ.บัวเชด กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งคนหายตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.62 ที่ผ่านมา เราได้สนธิกำลังหลายภาคส่วนเพื่อค้นหาอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่พบจนมีชาวบ้านมาพบเมื่อวานนี้ จึงพาญาติไปดูก็เชื่อว่าเป็นผู้ตายจริง เนื่องจากชุดแต่งกายเหมือนกัน แต่เมื่อวานศพอยู่ลึกในป่าและค่ำมืดแล้ว จึงนัดเจ้าหน้าที่เข้าไปวันนี้ เพราะเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ จำเป็นต้องมีกระบวนการ แจ้งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ แจ้งแพทย์ในพื้นที่เข้าไปชันสูตรศพ จึงนำศพกลับมาฌาปณกิจที่วัดแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวด้วย
ส่วนสาเหตุการตายในเบื้องต้น เท่าที่ทราบจากประชาชนที่พบเห็น ก่อนหน้านี้ ร่างกายค่อนข้างซูบซีด อิดโรย สุขภาพอ่อนแอ บอบบาง มีตุ่มขึ้นตามลำตัว เนื่องจากนอนอยู่กลางป่าและอดอาหารหลายวัน สาเหตุน่าจะมาจากสุขภาพร่างกายไม่ดี แพทย์ระบุว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10 วัน ในสภาพเน่าเหม็น และนอนคุดคู้ เหมือนนอนหลับไปเลย ไม่มีการทุรนทุราย ไม่มีสัตว์ป่าทำร้าย น่าจะนอนเสียชีวิตด้วยการอ่อนเพลียของร่างกาย
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากนายชัยยศ อายุ 24 ปี ผู้ตายได้มาอาศัยอยู่กับคนรู้จักที่นับถือเป็นพี่ชาย ที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ และได้เข้าไปในป่าเขตแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้บ้านโอทะลัน ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา และยังไม่กลับออกมา โดยทางญาติได้ร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดสุรินทร์ เพื่อขอความช่วยเหลือในการค้นหา
โดยญาติระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.62 ที่ผ่านมา นายชัยยศ ได้ขับรถจักรยานยนต์มาหาหมอไสยศาสตร์ท่านหนึ่ง ในพื้นที่ อำเภอสังขะ จ.สุรินทร์ และได้พบปะพูดคุยกันถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในป่าและถ้ำแห่งหนึ่ง ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ในอำเภอบัวเชด และนายชัยยศ มีความสนใจอยากไปเห็นและได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่หมอไสยศาสตร์อีกท่านหนึ่งบอกไว้ จึงได้จัดหาสิ่งของ พร้อมกับดอกไม้กำใหญ่ เพื่อไปบูชา และจะนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในถ้ำออกมา พร้อมกับได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากอำเภอสังขะ มุ่งหน้าไปยัง อำเภอบัวเชด และจอดรถจักรยานยนต์ไว้ในป่าสวนยางพาราของชาวบ้าน ในพื้นที่บ้านโอทะลัน ก่อนจะเดินถือสิ่งของพร้อมดอกไม้ มุ่งหน้าไปยังป่าเขาแหลม บริเวณถ้ำผาสาวโศก ขณะที่ชาวบ้านที่พบเห็นได้สอบถาม นายชัยยศว่าจะไปที่ไหนคนเดียวในป่าลึก นายชัยยศก็ไม่ตอบ แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าไป ซึ่งบรรดาญาติๆ ก็ได้ข้อมูลจากชาวบ้านโอทะลันว่าเห็น นายชัยยศ ได้เดินทางมาที่ป่าชายแดนไทย-กัมพูชา จริง โดยแต่งกายนุ่งโสร่ง สวมใส่เสื้อสีขาว ถือสิ่งของและดอกไม้เข้าไปในป่า คาดว่าน่าจะเดินทางเข้าไปยังถ้ำผาสาวโศก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยที่ 22 ชุดเฉพาะกิจที่ 2 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 กองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบัวเชด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสารักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน ห้วยสำราญ พร้อมผู้นำชุมชนบ้านโอทะลัน พร้อมด้วยญาติๆ กว่า 80 ชีวิต
จึงได้เดินทางเข้าป่าใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไปยังถ้ำผาสาวโศกโดยญาติๆ ได้นำดอกไม้ เครื่องเซ่นไหว้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าที่เจ้าทางที่ปกปักรักษาป่าเขาถ้ำสาวโศก ให้ปล่อยตัวนายชัยยศออกมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดค้นหาได้พากันเดินเข้าไปในถ้ำ ได้ประมาณ 50-60 เมตร ใช้ไฟฉายส่องหาตามซอกถ้ำก็ไม่พบคนแต่อย่างใด และต้องรีบกลับออกมาเพราะข้างในมืดมาก ไม่มีอากาศหายใจ ก่อนได้ทำความเข้าใจกับญาติๆ ว่าการที่จะเข้าไปในถ้ำต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้ มีไฟส่องสว่าง มีถังออกชิเจน เพราะข้างในไม่มีอากาศหายใจ และต้องปรึกษาหารือกับทีมงาน ค้นหาทีมอื่นๆ อีกด้วย พร้อมทั้งต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาในการค้นหา ซึ่งญาติก็เข้าใจ และก็ได้มีการค้นหามาอย่างต่อเนื่องดังกล่าวแต่ก็ไม่พบ จนชาวบ้านมาพบเป็นศพดังกล่าว ตามที่สื่อได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ขอบคุณ Sanook