พ่อหนุ่มป่วยมะเร็งเบ้าตายันเงินบริจาค 9 ล้าน
พ่อหนุ่มป่วยมะเร็งเบ้าตายืนยันยอดเงินบริจาค 9 ล้านบาท พร้อมจี้ครอบครัวอดีตเมียแจงให้ชัดถอนเงินกว่า 3 ล้านไปทำอะไร
จากกรณีที่นายประเสริฐ คำมุงคุณ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 2 บ้านโสกแมว ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ร้องเรียนผ่านสื่อว่า ลูกชายคือนายเดชฤทธิ์ คำมุงคุณ หรือ น้องมอส อายุ 24 ปี ป่วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ที่เป็นข่าวโด่งดังทางโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์เมื่อกลางปี 2559 นั้น ภายหลังถูกอดีตภรรยาของผู้ป่วยคือ น.ส.พัชรีพร (สงวนนามสกุล) หรือ น้องป๊อบปี้ อายุ 21 ปี หอบเงินบริจาคเกือบ 10 ล้านบาทหนีไปอยู่บ้านพ่อแม่โดยไม่ยอมมาเหลียวแลบุตรชายของตน และนำเงินดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิดเจตนารมณ์ของผู้ใจบุญทั่วประเทศที่บริจาคให้ โดยทางครอบครัวของผู้ถูกกล่าวหาโต้ว่า มีเงินบริจาคเพียง 7,000,000 กว่าบาทเท่านั้น พร้อมจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้(17 ธ.ค.60) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านนายประเสริฐ เพื่อติดตามค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยอดเงินบริจาค โดยมีนายเดชฤทธิ์ หรือน้องมอส ช่วยแจงรายละเอียด พร้อมนำเอกสาร Statement รายการบัญชีแสดงเงินเข้า-ออกธนาคารออมสิน สาขาธาตุพนม ชื่อบัญชี น.ส.พัชรีพร หรือ น้องป๊อบปี้ อายุ 21 ปี อดีตภรรยาของนายเดชฤทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.59 – 23 ก.พ.60 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 9,052,847 บาท จำแนกเงินที่ถูกถอนออกจากบัญชี จำนวน 3,220,300 บาท และเช็คยอดครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 ก.พ.60 มีเงินอยู่ในบัญชีหมายเลขดังกล่าว จำนวน 5,832,547 บาท ซึ่งไม่ทราบว่าหลังจากเดือน ก.พ. จะมีการถอนไปอีกหรือเปล่า
นายเดชฤทธิ์ หรือน้องมอส กล่าวต่ออีกว่า บุคคลที่เอาอาวุธปืนมาให้ตนลูบคลำนั้นคือ นายประดิษฐ์ ผู้เป็นพ่อตา ขณะนั้นตนอยู่ในห้องเช่าเพียงสองต่อสองกับพ่อตา ด้วยความกลัวจึงบอกให้นายประเสริฐอยู่ด้วยตลอดเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ต่อมานายประดิษฐ์ได้โทรศัพท์เข้ามือถือของ น.ส.พัชรีพร หรือน้องป๊อบปี้ อดีตภรรยาเพื่อขอคุยกับตน ก่อนจะออกปากไล่ให้ออกจากห้องเช่า โดยอ้างว่าห้องนี้เป็นห้องที่เขาเช่า นายประเสริฐจึงพาตนออกจากห้องโดยไม่มีอะไรติดมือมาด้วย ได้มาเพียงยารักษาโรคเท่านั้น ทางครอบครัวตนได้ไปทำหนังสือเช่าห้องของการเคหะหลักสี่ ในราคาค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท ส่วนที่นายประดิษฐ์ อดีตพ่อตาอ้างว่า รถยนต์ที่ซื้อมานั้นต้องการใช้ในเวลาพาไปหาหมอ หากอดีตพ่อตากล่าวจริง ก็ควรนำรถยนต์คันนั้นมาคืน เพราะปัจจุบันตนอยู่กับพ่อที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่มีปัญหากัน ซึ่งครอบครัวของน้องป๊อบปี้ต้องแจงรายละเอียดต่อศาลให้ครบถ้วน ว่าเงินกว่า 3 ล้านบาท นำไปใช้อะไรบ้าง ส่วนค่ารักษาพยาบาลที่อ้างจ่ายให้แก่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ต้องขอยืนยันว่าทางโรงพยาบาลนั้นรักษาฟรี ยกเว้นต้องจ่ายเป็นค่ายาหลักนอกบัญชีที่เบิกไม่ได้ เช่น วิตามิน หรืออาหารเสริม
“การกล่าวอ้างว่านำเงินบางส่วนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลอาจจะทำให้คนเข้าใจผิด โรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลอาจทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย ซึ่งทางครอบครัวได้ขอรายการค่ารักษาพยาบาลประกอบใบเสร็จรับเงินตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.59-17 พ.ค.60 รวมรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงิน 38,274.50 บาท ดังนั้นครอบครัวของอดีตพ่อตาต้องแจงรายการค่าใช้จ่ายต่างๆแก่ผู้บริจาคให้เข้าใจด้วยว่า นำไปใช้ในการรักษาตนอย่างไร” นายเดชฤทธิ์ หรือน้องมอส กล่าว Source: khaosod