“บิ๊กอวบ” แถลงจับยาบ้ากว่าแสนเม็ด! พบกัญชาแปรรูป-อัพราคา เผยฤทธิ์รุนแรงถึงตาย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส., นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด และนายพีรธร วิมลโลหการ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือระหว่างประเทศ และผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกันแถลงผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา 7 คน พร้อมกัญชา น้ำหนักประมาณ 1,088 กิโลกรัม ยางกัญชาน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ยาบ้า 106,000 เม็ด ไอซ์น้ำหนักประมาณ 5.4 กิโลกรัม และเคตามีน 850 กิโลกรัม
สำหรับคดีที่ 1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา บช.ปส.ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ทำการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) น้ำหนักประมาณ 490 กิโลกรัม โดยตรวจยึดได้ที่บริเวณสวนยางพาราห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 200 เมตร ในพื้นที่บ้านหนองเดิ่นท่า ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณบ้านหนองเดิ่นท่า ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า
จึงบูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นำกำลังดักซุ้มเฝ้าตรวจตามแนวบริเวณดังกล่าว พบกลุ่มผู้ต้องสงสัย 4 ราย เดินขึ้นมาจากแม่น้ำโขงในลักษณะสะพายวัตถุสิ่งของคล้ายกระสอบ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว ปรากฎว่ากลุ่มบุคคลทั้งหมดได้อาศัยความมืดวิ่งหนีไป จากการตรวจสอบบริเวณพื้นที่พบถุงกระสอบปุ๋ย ภายในบรรจุกัญชา น้ำหนัก 490 กิโลกรัม จึงตรวจยึดและนำส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป
สำหรับคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา บช.ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดได้ 4 ราย ประกอบด้วย นายสมพร กัณหาวงศ์ อายุ 27 ปี, นายเฉียบวุฒิ โยธาไพ อายุ 38 ปี, นายมีชัย การุญ อายุ 47 ปี และ4.นายพูลสันต์ การุญ อายุ 53 ปี ทั้งหมดเป็นชาวจ.นครพนม พร้อมกัญชาอัดแท่ง น้ำหนักประมาณ 598 กิโลกรัม ยางกัญชา น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน และโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ภายในปั๊มน้ำมัน ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง ต่อเนื่องบริเวณสามแยกหนองแม็ก ต.หนองแม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อเนื่องบริเวณจุดกลับรถบนถนนมิตรภาพอุดร–ขอนแก่น ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดกัญชา น้ำหนักประมาณ 1,380 กิโลกรัม ได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง จ.หนองคาย จึงสืบสวนขยายผล กระทั่งทราบว่า กลุ่มนักค้ายาเสพติดใช้รถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีดำ ทะเบียน กล7925 รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว ทะเบียน 1ฒว722 กรุงเทพฯ และรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไททัน สีขาว ทะเบียน 2กต5076 กรุงเทพฯ เป็นยานพาหนะ โดยใช้เส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนด้านจ.หนองคาย ไปส่งต่อให้กับลูกค้าพื้นที่ตอนใน และกรุงเทพฯ
จึงเฝ้าติดตามกระทั่งพบรถยนต์เป้าหมายเข้ามาในเขตพื้นที่จ.อุดรธานี จึงสะกดลอยติดตามเข้าไปบริเวณลานจอดรถปั๊มน้ำมันดังกล่าว ก่อนแสดงตัวขอตรวจค้น พบกัญชาและยางกัญชาจำนวนดังกล่าว วางอยู่ในที่เก็บของด้านท้ายรถยนต์ จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวน เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา/ยางกัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต และนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด กก.1 บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมกันจับกุมนายพรชัย บัวแย้ม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/1 ม.1 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ พร้อมยาบ้า 106,000 เม็ด, ไอซ์ 200 กรัม, ยาเคตามีน 850 กรัม, รถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา 1 คัน และรถจักยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีฟ้า 1 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณถ.ภายในซอยหมู่บ้านมหาดไทย 1 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
โดยคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า นายพรชัยมีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าย่านถ.พุทธมณฑลสาย 1 และพื้นที่ใกล้เคียง คือจะรับคำสั่งจากเครือข่ายยาเสพติดเพื่อไปรับรถยนต์ พร้อมยาเสพติดที่จอดไว้ข้างทางตามจุดที่กำหนด โดยในรถจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ ซึ่งในแต่ละครั้งจะมียาบ้าประมาณ 100,000 เม็ด ไอซ์ หนัก 2 กิโลกรัม และยาเคตามีน 2 กิโลกรัม และซิมการ์ดโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการติดต่อจำหน่ายแต่ละครั้ง
โดยเมื่อรับยาเสพติดแล้วก็จะนำมาซุกซ่อนไว้ที่บ้านญาติ และใช้เรือลำเลียงการเข้าออกเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าทำมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 50,000 บาท จึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.1 บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
และคดีที่ 4 เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด กก.2 บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมกันจับกุมนายบุญส่ง กองโตกลาง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1902/13 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และนายวัชระ จันสอง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9809/7 ม.4 ถ.ธนารักษ์ ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ พร้อมยาไอซ์ 5,195.6 กรัม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และรถยนต์ 2 คัน โดยจับกุมบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า กลุ่มนายบุญส่งมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าทั่วไป จึงทำการติดต่อล่อซื้อ เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบนายบุญส่งขับรถยนต์มาส่งยาเสพติด จากการตรวจค้นพบยาไอซ์ไว้ที่กระโปรงท้ายรถยนต์ ก่อนขยายผลจับกุมนายวัชระได้ดังกล่าว
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า ปกติจะพบเพียงกัญชาอัดแท่ง แต่ภายหลังพบการเปลี่ยนรูปแบบของกัญชา โดยผ่านกระบวนการเคี่ยวให้เป็นยางกัญชา เพื่อให้ง่ายต่อการลำเลียง และมีมูลค่าที่สูงกว่ากัญชาสดหลายเท่า จากราคากัญชาสดกิโลกรัมละ 10,000 บาท เมื่อแปรรูปเป็นยางกัญชาจะมีมูลค่าสูงกว่ากิโลกรัมละ 5 แสนบาท เนื่องจากต้องใช้ปริมาณกัญชา 100 กิโลกรัมเพื่อให้เคี่ยวได้ยางกัญชา 1 กิโลกรัม ซึ่งจะมีฤทธิ์รุนแรงกว่ากัญชาสดหลายเท่า และจะทำลายระบบภายในร่างกายจนถึงขั้นเสียชีวิตมาก ทั้งนี้จากการสืบสวนพบว่ากัญชาล็อตดังกล่าวจะถูกนำส่งไปยังภาคใต้ ก่อนส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรปและอเมริกา