ความวุ่นวายภายในวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ยังคงเป็นมหากาพย์ที่ยาวนานมากว่า 5 ปี จนถึงวันนี้ยังวุ่นวายไม่เลิก เป็นคดีความขึ้นศาลนับสิบคดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่บังคับคดีถือปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อจะเข้าตรวจสอบทรัพย์สินและโบราณวัตถุรวมถึงวัตถุมงคล เตรียมส่งมอบให้รักษาการเจ้าอาวาสที่มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้งเมื่อกลุ่มลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสรวมตัวขัดขวางไม่สนใจกฎหมาย สุดท้ายบังคับคดีต้องล่าถอยแนะนำโจทก์ คือ รักษาการเจ้าอาวาสทำรายงานส่งถึงศาล เรื่องส่อเค้าบานปลายจากคดีแพ่งอาจกลายเป็นคดีอาญา มีสิทธิ์จ่อนอนคุกยาวแน่
นายเสฏฐวัฒน์ ไชยภักดี นิติกรชำนาญการ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยนายกิติศักดิ์ แก้ววิเชียร ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมกว่า 50 นาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยถือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5558/2561 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ซึ่งสำนักงานบังคับคดีและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติตามคำพิพากษาเพื่อจะเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สิน-วัตถุมงคลและบัญชีการเงินต่างๆ
แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่วัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้มีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นชาวบ้านและลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสเกือบ 100 คน มายืนขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้นไปยังกุฏิที่เป็นศาลาไม้และเป็นที่เก็บวัตถุมงคลและอื่นๆ บนศาลา พร้อมทั้งตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่โดยใช้คำไม่เหมาะสมต่างๆ นานา อีกทั้งยังก่อความวุ่นวายส่งเสียงดังเอะอะ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองก็ทำได้แค่ยืนดู ไม่สามารถห้ามปรามได้ เจ้าหน้าที่ของบังคับคดีพิจิตร และ ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พยายามไกล่เกลี่ยชี้แจงเหตุและผล รวมถึงข้อกฎหมายที่ถือมาปฏิบัติในครั้งนี้ว่าทำตามคำสั่งศาล แต่กลุ่มต่อต้านกลับยังคงทำตัวขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน โดยไม่สนใจคำสั่งของศาลฎีกาแต่อย่างใด
ในที่สุด นายเสฏฐวัฒน์ ไชยภักดี นิติกรชำนาญการ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร ต้องประกาศยอมยกธงขาวล่าถอย เนื่องจากเกรงว่าหากจะใช้กำลังสลายฝูงชนเพื่อเข้าตรวจทรัพย์สินของวัดหลวงพ่อเงินบางคลานตามคำสั่งศาลฎีกา ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย อีกทั้งเกรงว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะไม่เกิดความปลอดภัย จึงขอยุติการดำเนินการดังกล่าว
โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้ทำรายงานศาลต่อไปเพื่อให้ศาลดำเนินการออกหมายเรียกจำเลยมาทำการไต่สวน ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายพิจารณาความแพ่ง ซึ่งโจทก์ก็คือ รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจสามารถใช้สิทธิทางศาลได้อยู่แล้ว ดังนั้น วันนี้จึงของดทำการส่งมอบบัญชีและทรัพย์สินเนื่องจากสถานการณ์เกิดความวุ่นวายและมีผู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าว เพราะหากเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ในส่วนของ ร.ต.ท.สมชัย สุทธิสน ข้าราชการบำนาญ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจากรักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ให้สัมภาษณ์ว่า จากเหตุการณ์วันนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจสอบทรัพย์สินได้เนื่องจากมีผู้มาขัดขวาง อีกทั้งจำเลยที่ 1 คือ อดีตเจ้าอาวาสก็ไม่อยู่พบกับเจ้าหน้าที่บังคับคดี ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะไปยื่นเรื่องและทำรายงานให้ศาลทราบ เพื่อจะได้ออกหมายเรียกให้มาทำการไต่สวน แต่ถ้าขัดหมายเรียกจากคดีแพ่งก็จะกลายเป็นคดีอาญา ซึ่งมีโทษถึงจำคุกอีกด้วย
ขอบคุณ Sanook