( 11 ก.ย. 59 ) ผู้สื่อข่าวพบป้ายขนาดใหญ่พร้อมระบุข้อความ “ ร้านปิดชั่วคราวเนื่องจากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทาง เศรษฐกิจเข้าตรวจโดยไม่มีหมายคันพร้อมทั้งยึดทรัพย์สินไปโดยไม่บันทึกตรวจยึดทรัพย์จึงทำให้ทางร้านนั้นต้องปิดร้านชั่วคราว” จึงสร้างความแปลกใจให้กับผู้สื่อข่าว จึงได้เดินเข้าไปสอบถามถึงเรื่องราวที่นำป้ายดังกล่าวมาติดหน้าร้าน
โดยร้านดังกล่าวชื่อร้านพรีเชียสแบน ซึ่งเป็นร้าน รับชื้อ-ขาย กระเป๋าแบรนเนมมือ 2
จากการพูดคุยกับ น.ส.ศิพิมพ์ รัตนติสร้อย อายุ 37 ปี เจ้าของร้านด้งกล่าว เล่าว่าช่วงวันที่ 7 ก.ย.59 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งตนเองได้ไปทำธุระที่เมืองนอกโดยมีคนเฝ้าร้านอยู่ 1 คน ได้มีชายฉกรรจ์ 1 คน ทำทีเข้ามาถามชื้อกระเป๋าแบรนเนมแต่ต้องการของมือ 1 ซึ่งทางร้านก็บอกไม่มีของมือ 1 จากนั้นชายคนดังกล่าวเดินออกจากร้านไปไม่ถึง 20 นาที ก็กลับเข้ามาพร้อมพวก อีก 5 คน ก่อนแสดงซองใส่บัตรที่มีตราตำรวจ และอ้างกับคนเฝ้าร้านว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ขอเข้าตรวจค้นแต่ไม่แสดงหมายค้นจากศาลแต่อยากใด
แต่คนเฝ้าร้านของตนก็ให้ความร่วมมือให้ทำการตรวจค้นทั้งร้าน พร้อมแสดงใบประกอบการ ใบเสียภาษี และเอกสารต่างๆให้เจ้าหน้าที่ดู แต่เจ้าหน้าที่ที่อ้างเป็นตำรวจไม่ฟัง พร้อมตรวจยึดเป๋าแบนเนมไป 36 ใบ ซึ่งมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท พร้อมทั้งบอกกับคนเฝ้าว่าให้ตนเอาใบเสียภาษีจากลูกค้าที่เอากระเป๋ามาขายให้กับทางร้านไปยืนที่สำนักงานของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวที่ตั้งอยู่สาครซอย8
น.ส.ศิพิมพ์ รัตนติสร้อยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งๆที่ตนพยายามบอกและอธิบายกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวผ่านทางไลด์ ว่าตนเองเป็นร้านรับซื้อของมือสองตนเองทำไมต้องขอดูใบเสียภาษีของทางคนนำสินค้ามาขายด้วย ซึ่งตนเองเปิดร้านซื้อ-ขายมือ 2 ตนก็ไปเสียภาษีขอใบอนุญาตแล้ว และยังบอกอีกด้วยว่ารอตนเองกลับมาก่อนได้ไหม ทางเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวก็ไม่ยอม และตนเองสงสัยอีกอย่างทำไมทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงไม่มีหมายค้น และบันทึกตรวจยึดก็เป็นเพียงกระดาษธรรมดาที่ไม่มีตราครุฑที่ติดกับใบตรวจยึดเลย
ซึ่งในเบื้องต้นทางตนเองได้ปรึกษาทนายความส่วนตัวพร้อมเอกสารทั้งหมด และภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คนที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำตรวจแล้วมายึดทรัพย์ของทางร้านไป โดยที่ไม่มีหมายคันมาแสดงให้กับเจ้าของดู ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่โยมิชอบ